หน้าเว็บ

บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ทานและองค์ประกอบของทานที่สมบูรณ์



ต่อไปนี้ขอกล่าวต่อ เรื่องของทาน
เพราะว่ามีหลายประการมาเกี่ยวข้อง
เช่นระดับของทานตามห้วงทำนอง
ของการให้ที่คล้องจองมีสามประการ….
เริ่มจากหนึ่ง”ทาสทาน”คือการให้ต่ำกว่า 
สองตามมา”สหายทาน” ให้ของที่เสมอ
สาม”สามีทาน”ของที่ให้นั้นเลิศเลอ
โปรดตรองนะเราเคยให้อย่างไรกัน….
การให้ทานนั้นหมายถึง ละความตระหนี่
ตัดตัวที่สร้างความโลภ ไม่โศกศัลย์
หากว่าทรัพย์นั้นหมดสูญมลายพลัน    
 เคยให้ทานจิตนั้นไม่สั่นคลอน….
 การให้ทานนั้นยังมีข้อเตือนไว้
ว่าอย่าให้ทานหมดตัวจนเดือดร้อน
ถือเป็นการเบียดเบียนตนจิตบั่นทอน
เกิดนิวรณ์ ขาดพิจาณา ค่าของทาน….

ความบริสุทธิ์ขององค์ทานท่านว่าไว้
คือผู้ให้ ผู้รับ และสิ่งของ ต้องสมาน
สามบริสุทธิ์นี้หนอต้องกระทำ  
อานิสงค์เลิศล้ำค้ำบุญเต็มใบ….
แต่จะมีทานใดเล่าใหญ่เท่า “อภัยทาน”
ที่ลดหลั่นคือ”ธรรมทาน” ทั้งหลาย
อีก”สังฆทาน” “ วิหารทาน” อย่าได้คลาย
จงมุ่งหมายจิตมั่น “ทาน”ทั้งปวง....  
                                                                                 ๒๙ สิงหาคม พ.. ๒๕๕๕

การให้ทาน คือการสละทรัพย์สิ่งของเงินทอง ของตนที่มีอยู่ให้แก่ผู้อื่น โดยมุ่งหวังจะจุนเจือให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และความสุขด้วยความเมตตาจิตของตน  ทานที่ได้ทำไปนั้น จะทำให้ผู้ทำทานได้บุญมากหรือน้อยเพียงใด ย่อมสุดแล้วแต่องค์ประกอบ ๓ ประการ ถ้าพร้อมด้วยองค์ประกอบทั้ง ๓ ประการต่อไปนี้แล้ว ทานนั้นย่อมมีผลมาก ได้บุญบารมีมาก กล่าวคือ

ระดับของทานที่ให้มีด้วยกัน ๓ ประการคือ . ทาสทาน หมายถึงการให้สิ่งของต่ำกว่าที่ตนเองใช้สอย
.สหายทาน หมายถึงการให้ของใสอยเสมอที่ตนเองได้ใช้ และ . สามีทาน หมายถึงการให้ของที่สูงกว่าตนเองใช้สอย

องค์ประกอบของทานมี ๓ ข้อดังนี้คือ
. " วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์ "
วัตถุทานที่ให้ จะต้องเป็นของที่บริสุทธิ์ แสงหามาได้ด้วยความบริสุทธิ์ในการประกอบอาชีพ ไม่ใช่ของที่ได้มาเพราะการเบียดเบียนผู้อื่น . "เจตนาในการให้ทานต้องบริสุทธิ์ "
การให้ทานนั้น โดยจุดมุ่งหมายที่แท้จริงก็เพื่อเป็นการขจัดความโลภ ความตระหนี่เหนียวแน่นความหวงแหนหลงใหลในทรัพย์สมบัติของตน อันเป็นกิเลสหยาบ คือ " โลภกิเลส " และเพื่อเป็นการสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุข
.เจตนาบริสุทธิ์ ซึ่งต้องสมบูรณ์พร้อมกัน ๓ ระยะ คือ

( ๑ ) ก่อนที่จะให้ทาน ก่อนที่จะทานก็จะมีจิตที่โสมนัสร่าเริงเบิกบานยินดีที่จะให้ทาน เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขเพราะทรัพย์สิ่งของของตน

( ) ขณะที่กำลังให้ทาน เวลาที่กำลังให้ทานอยู่นั้น ก็ทำด้วยจิตใจยินดีและเบิกบานในทานที่ตนกำลังให้ผู้อื่น

( ๓ ) หลังจากที่ได้ให้ทานไปแล้ว ครั้นเมื่อได้ให้ทานไปแล้วเสร็จ หลังจากนั้นก็ดี นานมาก็ดี เมื่อหวนคิดถึงทานที่ตนได้กระทำไปแล้วครั้งใด ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริงเบิกบาน ยินดีในทานนั้น ๆ
 
@@@@@

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เริ่มจาก"ทาน" คือการให้



เรามาเริ่มเรียนรู้กันในขั้นแรก        
อาจไม่แปลกดูธรรมดาอยู่แล้วนั่น 
เพราะคือคำว่า การให้ทาน
แต่ความหมานของมันนั้นมากมาย….
หนึ่งคือการ”ให้ทานเป็นสิ่งของ” 
และข้อสอง”ให้ธรรมทาน”อันใหญ่ยิ่ง
โดยข้อสองนั้นสำคัญแท้จริง
ด้วยมีสิ่งอันอยากยิ่งจะกระทำ…. 
สิ่งนั้นหรือคือ “อภัยทาน”ที่หาญกล้า
ต้องฝืนฝ่ากิเลสใจให้อาจหาญ
ใจเป็นสุขสงบได้ ถ้าได้ให้อภัยทาน
เลิกจองกรรมหมดเวร เห็นความเจริญ….
โดยสรุปคำว่า”ทาน” นั้นยิ่งใหญ่
คำง่ายๆ แต่เหมือนยากเพราะขวยเขิน 
อาจไม่เคยคิดทำเพราะเพลิดเพลิน
มุ่งดำเนินตามแต่กิเลสเหตุเพราะชอบใจ ….
                                     ๒๘ สิงหาคม พ..  ๒๕๕๕       

“ทาน” แปลว่า การให้ การให้นี้มีอยู่ ๒ ประเภท องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ คือ ๑.  "อามิสทาน  หมายถึงการให้เงิน วัตถุสิ่งของต่างๆ เช่น การใส่บาตร ทำบุญ การบริจาคสิ่งของ เรียกว่า อามิสทาน ทั้งนั้น        
. ธรรมทาน” การให้ธรรมะ เป็นการนำคำสั่งสอนขององค์สมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาถ่ายทอด   เมื่อมีความรู้แล้วก็เกิดความมั่นใจ มีปัญญาเกิดขึ้น  ด้วยสัมมาทิฏฐิ  และธรรมทานนี้รวมถึงการให้“อภัยทาน” อภัยทานนี้เป็นการให้ทานที่ไม่ต้องลงทุนด้วยวัตถุ แล้วก็เป็นทานสูงสุดในพระพุทธศาสนา.
@@@@@

ธรรมะ และคำสอน ที่นำมาร้อยเรียงเป็นบทกลอน



อันธรรมะนั้นหรือคือความสะอาด   
คอยเก็บกวาดบาป กิเลส เหตุสั่งสม
มีทั้งกาย วาจา และ ความคิดอันโสโมม 
ขอให้ใช้ธรรมะเข้าข่มให้ทันการ 

ตั้งใจกายพยายาม ละ ลด เลิก
เปิดทางเบิกให้จิตคิดสมาน
มุ่งหน้าเดินไปสู่ "สายพระนิพพาน"
ตั้งจิตมั่น สู่จุดหมายอย่าได้เลือน  

จงมีความเพรียรสร้างทางปฎิบัติ 
อย่าได้ขาดสามขั้นที่มั่นหมาย
เริ่มจาก ทาน- ศีล-ภาวนา อย่าได้คลาย
 เราคงได้ถึงจุดหมายในสักวัน.......
                                                             ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕.

การน้อมนำคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาใช้เพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิตนั้น สามารถทำให้เราเกิดความเจริญก้าวหน้าทั้งทางโลกและทางธรรมไปพร้อมๆกัน...

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นสัจจธรรมและเป็นปัจจุบันธรรมเสมอ เราสามารถน้อมนำมาใช้ได้ทุกเวลา และทุกๆเรื่องในชีวิต


@@@@@
 

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อารัมภบท และเหตุ แห่งการเขียนบล็อค

สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ”   “การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง



อารัมภบท และคำนำ

๑.     เหตุแห่งการสร้างบล็อค : บล็อคนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยแรงบันดาลใจของข้าพเจ้า ด้วยนิสัยเป็นชอบเขียนกลอนในสมัยเด็กๆ อนึ่งข้าพเจ้าไม่เคยมีความรู้ในด้านการเขียนบล็อคมาก่อนเลย ก็เลยทำได้เพียงเท่านี้ค่ะ

๒.    บทกวีทุกบท หรือกลอนที่นำมาเผยแพร่ : บทกวีทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้าได้แต่งเองใหม่ทั้งหมดทยอยแต่งตามแต่วาระของจิต และจะอัพข้อมูลหลังจากที่ได้แต่งเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยเร็วตามแต่โอกาสจะอำนวย

 
หากมีข้อผิดพลาดประการใดที่เกิดจากบล็อคนี้ ข้าพเจ้า ก็ขอน้อมรับแต่เพียงผู้เดียว และ จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง หากท่านผู้รู้ได้โปรดชี้แนะให้แก่ข้าพเจ้าแนะเรื่องที่ผิดพลาดกับข้าพเจ้า.
                                                      ผู้จัดทำ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕. 
                                                                                                            
@@@@@